7/30/2562

Hyper-converged infrastructure by HPE

HI Folks

หลังจากที่ได้ห่างหายการเขียนบทความใหม่ ๆ มาสักพักใหญ่ ๆ นะครับ วันนี้ได้ได้โอกาส มาเขียนบทความดี ๆ ก่อนที่จะได้ไปเข้าร่วมการ สัมนาในเรื่องของ HCI ที่ Singapore นะครับ

Hyper-converged Infrastructure คืออะไร
ถ้าให้อธิบายง่าย ๆ นะครับ Hyper-convergence Infrastructure (HCI) คือ Platform ที่มีรวมกันของอุปกรณ์ใน เรื่องของ Server + Storage เข้าด้วยกันเพื่อลด พื้นที่การ ติดตั้งของอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ ใช้พื้นที่ของ Data Center ลดลง รวมถึง ค่าใช้จ่ายเรื่องความเย็น และ ค่าใช้ไฟฟ้า ต่าง ๆ  ขึ้นด้วย โดยมีการเพิ่มเติม HCI ด้วยระบบที่เรียกว่า Scale - Out นะครับ ซึ่งการทำงานแบบนี้ ก็ทำให้เหมือนกันกับการจำลอง Public Cloud มาไว้ใน Data Center ของทุกคนเลยนั่นเอง

HPE SimpliVity คืออะไร
คือ HCI ที่ทาง HPE เป็นเจ้าของในการสร้าง Solution ของการทำ HCI มาให้ทุกท่านนั้นเอง แล้วตอนนี้คงจะเคยได้ยิน HCI ของหลาย ๆ เจ้าในตลาดอยู่ใช่ไหมครับ ทาง HPE มีความแตกต่างกับเจ้าอื่น ๆ ยังไงก็คงจะสงสัยใชไหมครับ

ทำไมต้อง HPE Simplivity
เพราะว่าทาง HPE นั้นเป็น Best of Triple worlds ในเรื่องของการใช้งานโดยการติดตั้งให้เลือกใช้งาน Virtualization บน VMware และ ทาง Microsoft Hyper-V ซึ่งเป็น Leader เพียงแค่สองรายของทางโลก Virtualization ส่วน Platform (Hardware) นั่นก็มี HPE เป็น Leader ในเรื่องของการ Hardware ที่ดีที่สุดของโลก ทำให้มั่นใจว่า การใช้งาน HCI นั้นมีความ Stable ทีดีกว่าใคร ๆ



Hyper-converged Infrastructure VS Traditional Infrastructure แตกต่างกันอย่างไร 

ความแตกต่างกันระหว่าง Traditional กับ HCI ก็คือรูปแบบการใช้งานของ Data Center ของเราในปัจจุบันมีการใช้งานในแบบที่มีการต่อกันระหว่าง Server , Storage  ที่มีระบบในการใช้งานแบบแยกกันใช้งานนั้นเอง ฉะนั้นเพื่อให้เข้าใจง่าย ๆ

จะเห็นว่า Server จะคุยกับ Storage ก็ต้องใช้สิ่งที่เรียกว่า SAN Switch เพื่อเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อกันรวมถึงการใช้งาน ทำให้การใช้งานต่าง ๆ ค่อนข้างยุ่งยาก รวมถึงใน Data Center ก็ต้องมี Solution อื่น ๆ ประกอบเพื่อให้ได้สิ่งที่เรียกว่ามาตรฐาน ของ Data Center เช่นการทำ Backup และมีการทำ Off-site ไปยังที่อื่น เพื่อให้มั่นใจว่าการทำงานของธุรกิจเรา รวมถึงอุปกรณ์ เรื่องของการทำ Wan Optimize ถ้าเราไ่ม่มีก็จะต้องมีค่าใช้จ่ายในเรื่องของ WAN LINK มากขึ้น  และ ข้อสำคัญทำให้บุคลากร ของ บริษัท ต้องเรียนรู้อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีอยู่มากมาย ของ Data Center ของเรามากขึ้นรวมถึง เมื่อเกิดปัญหาทำให้ต้องมีการ วิเคราะห์ปัญหา จาก หลาย ๆ ฝ่ายมากขึ้นทำให้ค่อนข้าง วุ่นวาย ๆ ต่าง ๆ นา ๆ

ฉะนั้นการทำงานของ HCI คือการรวบรวมสิ่งพื้นฐานของ Data Center มาอยู่ในอุปกรณ์เดียวกันให้มากที่สุด
จากภาพเราจะเห็นว่า HCI ของทาง HPE จะรวมการทำงานของ Server และ Storage เข้าด้วยกันโดยทำงานอยู่บน Server DL380 G10 ซึ่งเป็น Server ที่ขายดีที่สุดในโลก และ มีความคงทนมากที่สุดในโลกด้วยเช่นกัน โดย ทาง HPE จะใช้ Disk SSD ในการเก็บข้อมูลทุกอย่างในนี้ทำให้มั่นใจในประสิทธิภาพที่มากของทาง HPE SimpliVity และ นอกจากนั้น  HPE SimpliVity ได้ทำการใส่ Backup software ให้ใช้งานได้เลยในทุก Node ของ HPE โดยไม่ต้องสร้าง VMs ในการ Backup แต่อย่างใด รวมถึง ใส่ Wan Optmize เข้าไปภายใน ทุก ๆ Node ของการทำงาน ทำให้การทำงานของ HPE Simplivity มีประสิทธิภาพ มากขึ้น และลดการบริหารการจัดการอุปกรณ์ต่าง ๆ ใน Data Center ลง เพราะ SimpliVity รวมรวมการทำงานของ Server , Storage , Wan optimize , Backup Software , inline-Duplication & Compression เข้าไว้ด้วยกันทำให้ ไม่ต้องจัดหาอุปกรณ์อื่น ๆ มาใช้งานใน Data Center เลยทีเดียว

จุดเด่นของ HPE SimpliVity

นอกจากจุดเด่นที่ได้กล่าวไว้เบื้องต้น เราสามารถสรุป เป็นหัวข้อใหญ่ ได้ดังนี้นะครับ


  • Simple to Manage : SimpliVity รวมหน้าจอสำหรับการบริหารการจัดการ ไว้อยู่ภายในหน้าจอเดียวกันทำให้การใช้งานนั้นแทบจะไม่ต้องเปิดหน้าจออื่น ๆ เลย โดยการบริหารจัดการนั้นรวมถึงการ Backup , Create Capacity , Restore , Performance view อื่น ๆ อีกมากมาย ทำให้การบริหารการจัดการนั้น ทำได้บนแทบจะทุกอุปกรณ์เช่น Mobile , Tablet , Browser ต่าง ๆ มากมาย ทำให้ผู้บริหาร Data Center ประหยัดเวลาในการทำงานได้เป็นอย่างดี

  • Best Resiliency : ความหยืดหยุ่นของการใช้งาน นั้น HPE Simplivity มีการใช้งานที่รองรับได้หลากหลายบน การทำงานที่ทรงประสิทธิภาพ บนสิ่งที่แตกต่างกับเจ้าอื่น ๆ ในตลาด HCI นั้น SimpliVity มีการทำงานในแบบที่เรียกว่า Hybrid คือการ ทำงานร่วมกันระหว่าง SDS (Software define storage) + Hardware Accelerator (Omni stack) เพื่อรีดพลังการทำเรื่องของ IOps และ inline dedup ที่ทำได้ทรงประสิทธิภาพมากกว่าเจ้าอื่นที่ใช้แค่ Software และรวมถึงการทำเรื่องของการป้องกันข้อมูลเสียหายด้วย H/W RAID + RAIN ทำให้ ข้อมูลของเรานั้น ปลอดภัย แม้แต่ Disk เสียที่เกิดขึ้น ใน Simplivity ก็สามารถเสียได้มากกว่า เจ้าอื่นในตลาดที่ทำแค่ Software RAID นั้นเอง 
  • Fast Data Protection : ด้วยการทำงานที่ทรงประสิทธิภาพแล้ว ทาง HPE ก็ไม่ลืมที่จะเพิ่มความสามารถเรื่องของการ Backup เข้าในใน Node ของทาง Simplivity โดยที่ไม่จำเป็นต้องเสีย overhead ของ VMs ในการทำเรื่องของ Backup เพราะทาง SimpliVity ได้เพิ่มการ Backup เข้าในใน Hardware ของตัวเอง โดยการทำ Backup ของทาง SimpliVity นั้นทำได้ในระดับ ทุก ๆ 10 นาที (RPO <=10 Minute ) โดยไม่กระทบกับ Performance ของ VMs เพราะ การทำ Backup ของ SimpliVity ไม่จำเป็นต้อง Snapshot VMs แต่อย่างใด รวมถึงความสามารถในการ Restore ข้อมูล ก็ทำได้ในระดับ File level or Instant VMs เลย โดย การ Restore ทั้ง VMs ก็ทำได้ภายในระยะเวลา 1 นาทีเท่านั้น (RTO <=1 Minute) ทำให้ การใช้งาน Simplivity ค่อนข้างที่จะครบกับการทำงานพื้นฐานเป็นอย่างดี 


นี้เป็นแค่ความสามารถบางส่วนของ HPE Simplivity เท่านั้น เรายังมีความสามารถอื่นๆ อีกมาก เพราะการทำงานของ  HPE SimpliVity คือ Next Generation ของโลก Hyper-converged นั้นเองนะครับ ซึ่งถ้าสนใจ สามารถสอบถาม กับตัวแทน หรือ ติดต่อผมได้โดยตรงนะครับ โดยวันนี้จะเริ่มต้นข้อมูลประมาณนี้เดียวจะมีเรื่องของการทำงานต่าง ๆ อีกมากมายมาให้ศึกษากันเพิ่มเติมนะครับ

TC
2019/07/30